เรือใบสีฟ้า บุกชนะ เชลซี ในศึกดาบี้แมทช์

          ทางเรื่องของตัวผู้เล่น โทมัส ทูเคิ่ล”ผู้จัดการทีมเชลซี ไม่มี”เมสัน เมาท์”เนื่องจากอาการบาดเจ็บ จึงส่ง”ติโม แวร์เนอร์”ลงมาช่วย”โรเมลู ลูกากู”ล่าตาข่ายทีมเยือน  แดนกลางมีครบทั้ง”จอร์จิญโญ่”,”เอ็นโกโล่ กองเต้”,และ”มาเตโอ โควาซิส” และตำแหน่งผู้รักษาประตูได้”เอดูอาร์ด เมนดี้”หายเจ็บ ฟิตกลับมาช่วยทีมได้ทัน ทางด้านทีมเยือน”เป๊ป กวาร์ดิโอล่า”ได้”เควิน เดอบรอยน์”กลับมาเป็นตัวจริง ส่วนสามประสานแดนหน้าเลือกใช้”แจ๊ค กรีลิช”,”ฟิล โฟลเด้น”และ”กาเบรียล เชซุส” และคู่กลางของแผงหลังเป็นการจับคู่กันระหว่าง”รูเบน ดิอาส”กับ”แอมริก ลาปอร์ต”

       โดยเกมส์ในครึ่งเวลาแรกนั้น เป็นทีมเยือนที่เปิดเกมส์บุกใส่ ส่วนเจ้าบ้านตั้งรับลึกแล้วหาจังหวะตอบโต้ ทั้งคู่สู้กันด้วยแทคติกอย่างเข้มข้น แต่สร้างโอกาสทำประตูกันได้น้อยมาก มีเพียงลูกเตะมุมที่ ”เรือใบสีฟ้า” ได้ไปถึง 9 ครั้ง ก่อนจะจบครึ่งแรกไปแบบมีโอกาสยิงประตูกันแค่ฝ่ายละหน

      ครึ่งหลัง จากลูกเตะมุมครั้งที่ 10 ของ”แมนซิตี้”ก็กลายเป็นประตูขึ้นนำ เมื่อ”กาเบรียล เชซุส”ได้จังหวะลูกขลุกขลิกสกัดไม่ขาดของเจ้าบ้าน แล้วตวัดยิงไปแฉลบ”จอร์จินโญ่”เปลี่ยนทางเข้าประตูไป จากนั้นเกมส์ดุเดือดเข้มข้นขึ้น เมื่อเชลซีจำเป็นต้องเปิดเกมบุกเพื่อหวังเอาประตูคืน แต่กลายเป็นว่าเกือบโดนลูกที่ 2 ทั้งจากจังหวะ”ติอาโก้ ซิลวา”สกัดจากเส้นประตู นาทีที่ 61 และซูเปอร์เซฟของ”เมนดี้”จากการหลุดเข้าไปดีดบอลของ”แจ๊ค กรีลิช”

เมื่อหมดเวลาการแข่งขัน จึงเป็นว่า”เป๊ป กวาร์ดิโอล่า”สามารถพาทีม”แมนเชสเตอร์ ซิตี้”เอาชนะ”เชลซี”ในยุคของ”โทมัส ทูเคิ่ล”ได้เป็นครั้งแรกด้วยสกอร์ 1-0 หลังจากก่อนหน้านี้เจอกันในทุกรายการ “เชลซี”ของ”ทูเคิ่ล”เป็นฝ่ายเอาชนะได้ทั้งสามนัด

         อีกทั้งผลจากการพ่ายแพ้เป็นครั้งแรกของฤดูกาลในนัดนี้ ทำให้สิงห์บลูยังคงมี 13 แต้มเท่าเดิม และหล่นลงมาอยู่ที่ 3 ของตาราง สวนทางกับทีมเรือใบสีฟ้าที่ขยับขึ้นไปอยู่ที่ 2 จากการมีแต้มเท่ากันแต่มีประตูได้เสียดีกว่า ส่วนตำแหน่งจ่าฝูงนั้น เป็นของทีมหงส์แดง”ลิเวอร์พูล”ที่ลงสนามตามหลังคู่นี้แล้วบุกไปเสมอ”เบรนท์ฟอร์ด” 3-3 โดยมีทั้งหมด 14 คะแนน